หลักสูตรบูรณาการชีวิตแจ๋วไข่เจียว
หลักสูตรบูรณาการฝอยทอง
1. หลักสูตรบูรณาการ
หลักสูตรบูรณาการฝอยทอง
1. หลักสูตรบูรณาการ
หลักสูตรบูรณาการ (The Integrated Curriculum) เป็นหลักสูตรที่พัฒนามาจากหลักสูตรกว้างโดยนำเอาเนื้อหาของวิชาต่างๆ
มาหลอมรวม ทำให้เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละวิชาหมดไปการผสมผสานเนื้อหาของวิชาต่างๆ
เข้าเป็นเนื้อเดียวกันทำได้หลายวิธี
ซึ่งจะได้ชี้ให้เห็นต่อไปอย่างไรก็ตามที่มีการจัดทำหลักสูตรบูรณาการขึ้นไม่ใช่เพียงเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของหลักสูตรรายวิชาเท่านั้นมีเหตุผลและความคิดพื้นฐานซึ่งสนับสนุนอยู่ด้วยจะขออธิบายให้ทราบโดยสังเขปดังต่อไปนี้
1. เหตุผลและพื้นฐานความคิด
1.1 เหตุผลทางจิตวิทยาและวิชาการ
ก. โดยธรรมชาติเด็กหรือผู้เรียนจะมีความสนใจ
และมีความกระตือรือร้นในการที่จะแสวงหาความรู้และสร้างความเข้าใจในสิ่งต่างๆ
อยู่เสมอ สมองของเด็กจะไม่จำกัดอยู่กับการเรียนรู้วิชาใดวิชาหนึ่งเป็นส่วนๆ
โดยเฉพาะเมื่อมีการแสวงหาความรู้ก็จะเรียนรู้หลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน
ด้วยเหตุนี้หลักสูตรบูรณาการจึงเป็นหลักสูตรที่เหมาะสมเพราะจะสามารถสนองความต้องการของเด็กหรือผู้เรียนได้
ข. จากผลการวิจัยเรื่องพัฒนาการทางปัญญาของเด็กในชั้นประถมศึกษา
แสดงว่าพัฒนาการทางปัญญาจะดำเนินไปเป็นขั้นๆ
แต่ละขั้นจะแตกต่างกันไปและพัฒนาการของแต่ละคนก็จะมีอัตราความเจริญต่างกัน
แต่ที่สำคัญคือพัฒนาการนั้นจะดำเนินไปด้วยดีในเมื่อเด็กหรือผู้เรียนได้มีประสบการณ์ด้วยตนเอง
มีประสบการณ์มีความหลากหลายเพียงใด โอกาสในการพัฒนาการก็ยิ่งมีมากเพียงนั้น
เมื่อมาพิจารณาดูหลักสูตรบูรณาการที่มีลักษณะครอบคลุมวิชาหลายวิชาก็จะเห็นว่าเป็นหลักสูตรที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์หลายด้าน
ค.
หลักสูตรบูรณาการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สัมผัสกับสื่อการเรียนการสอนหลายๆ
อย่างและให้ได้มีโอกาสแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้
อนึ่งแบบฉบับของหลักสูตรยังกระตุ้นและสนองความต้องการทางปัญญาและอารมณ์ของผู้เรียนได้
ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ต่อเนื่องกันไปการเรียนการสอนจะต้องดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวา
โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมความคิดริเริ่มหลักสูตรแบบนี้ทำได้ดีมากส่วนดีอีกประการหนึ่งของหลักสูตรคือช่วยลดภาวะที่จะต้องท่องจำลงไปอย่างมาก
1.2 มีคนทางสังคมวิทยา
ก. เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า
การศึกษาจะเกิดผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อให้ผู้เรียนสามารถตอบปัญหาในชีวิตประจำวันได้
ด้วยเหตุนี้หลักสูตรจึงต้องเป็นหลักสูตรสนับสนุนสิ่งดังกล่าวซึ่งคุณสมบัตินี้มีอยู่ในหลักสูตรบูรณาการกล่าวคือ
ประชาสัมพันธ์ระหว่างสาขาวิชาต่างๆ ใช่ปัญหาหรือกิจกรรมเป็นศูนย์กลางของหลักสูตรอาจจะมีผลให้ผู้เรียนได้รับความรู้ทักษะและเจตคติความต้องการของชีวิต
1.3 เหตุผลทางการบริหาร
ก. หลักสูตรบูรณาการช่วยให้ลดตำราเรียนได้
คือแทนที่จะแยกเป็นตำราสำหรับแต่ละวิชา ซึ่งทำให้ต้องใช้ตำราหลายเล่ม
ก็อาจรวมเนื้อหาของรายวิชาไว้ในตำราเล่มเดียวกันและยังสามารถทำให้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ในกรณีที่ขาดแคลนครู
สูตรบูรณาการซึ่งอาศัยการสอนโดยใช้กิจกรรมเป็นหลักจะช่วยให้ครู 1 คนสามารถส่งได้มากกว่า 1 ชั้นในเวลาเดียวกัน
การผสมผสานวิชาเพื่อให้ได้หลักสูตรบูรณาการ ทำได้หลายวิธีหลายรูปแบบ
ดังนั้นการตีความหมายของหลักสูตรจึงทำได้ยาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นเด่นชัดประการหนึ่งก็คือหลักสูตรนี้ก้าวข้ามขั้นจากวิธีการที่รวมวิชาเข้าด้วยกันแบบธรรมดา
ที่ยังทิ้งร่องรอยของวิชาเดิมไว้ แต่เป็นการหลอมดวงในลักษณะที่เอกลักษณ์ของวิชาหรือไม่คงเหลืออยู่เลย
ดังนั้นความรู้หรือทักษะที่ผู้เรียนได้รับจึงเกิดจากการเรียนรู้รายวิชาในขณะเดียวกัน
ตามแนวความคิดข้างบนนี้อาจกล่าวได้ว่าหลักสูตรบูรณาการคือหนังสือที่โครงสร้างของเนื้อหาวิชามีลักษณะเป็นสหวิทยาการ
(Inter -disciplinary) คือมีการผสมผสานอย่างกลมกลืนแน่นๆระหว่างองค์ประกอบการเรียนรู้ทุกด้านอันได้แก่
พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัยและมีกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นสหวิทยาการ (Inter
-disciplinary Learning) ด้วย
ในบางตำรากล่าวว่าหลักสูตรบูรณาการ
คือหลักสูตรที่โครงสร้างของเนื้อหาวิชามีลักษณะเป็นหัวข้อหรือกิจกรรม หรือปัญหา
ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้แบบสหวิทยาการ
หลักสูตรบูรณาการที่มีใช้ในประเทศต่างๆ ในเอเชีย
นิทานที่เป็นหลักสูตรบูรณาการเต็มรูปและไม่เต็มรูป มีหลายประเทศที่เห็นว่าวิชาประเภททักษะเช่น
คณิตศาสตร์ และภาษาท่าจะจัดการเรียนการสอนให้เกิดผลดี
ควรจะหลักสูตรเป็นแบบรายวิชาในหลักสูตรกว้าง
2.
ลักษณะของหลักสูตรบูรณาการที่ดี
เป็นการผสมผสานวิชาหรือสาขาวิชาต่างๆ เพื่อให้ได้หลักสูตรบูรณาการนั้น
ถ้าจะให้ดีจริงๆนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องพยายามให้เกิดบูรณาการในลักษณะต่อไปนี้โดยครบถ้วนคือ
1.บูรณาการระหว่างความรู้และกระบวนการเรียนรู้
แต่เดิมเมื่อสภาพและปัญหาสังคมยังไม่สลับซับซ้อน และปริมาณเนื้อหาก็ยังไม่มีมากนะ
การเรียนรู้ซึ่งใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้อย่างง่ายๆ สูตรการบอกลา การบรรยาย
การท่องจำ
มาทำได้โดยไม่มีปัญหาอะไรในกรณีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้กับกระบวนการเรียนรู้เกิดไม่มีอยู่จริงและการเรียนรู้ก็นับว่ามีประสิทธิภาพพอสมควร
แต่ในปัจจุบันปริมาณความรู้มีมาก สภาพและปัญหาสังคมสลับซับซ้อน การเรียนรู้จักกระทำอย่างเดิมย่อมไม่ได้ผลดี
ถ้าจะให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพเราจำเป็นต้องให้กระบวนการเรียนรู้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความรู้
ทั้งนี้หมายความว่าผู้เรียนจะต้องทราบว่าตนจะแสวงหาความรู้ได้อย่างไรและด้วยกระบวนการอย่างไร
2. บูรณาการระหว่างพัฒนาการทางความรู้และพัฒนาการทางจิตใจ
มีผู้กล่าวตำหนิว่าการศึกษามักจะให้ความเอาใจใส่ต่อการพัฒนาจิตใจน้อยไป
ซึ่งในด้านพุทธิพิสัยอันได้แก่ความรู้ความคิดและการแก้ปัญหา มากกว่าด้านจิตพิสัย
คือ เจตคติ ค่านิยม ความสนใจ และความสุนทรียภาพซึ่งตามความเป็นจริงแล้วทั้งพุทธิพิสัยและจิตพิสัยก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
และเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก เพราะการเรียนรู้วิชาการหรือทักษะในด้านใดด้านหนึ่ง
โดยปราศจากความรู้สึกในคุณค่าของสิ่งที่เรียน ยอมเป็นไปไม่ได้
ในทางกลับกันถ้าผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่สร้างความรู้สึกพึงพอใจและประทับใจ
ก็จะมุ่งมั่นในการเรียนและเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเหตุนี้การสร้างบูรณาการระหว่างความรู้และจิตใจจึงเป็นสิ่งจำเป็น
3.บูรณาการระหว่างความรู้และการ
การสร้างสหสัมพันธ์ระหว่างความและการกระทำมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าระหว่างความรู้และจิตใจ
โดยเฉพาะในด้านจริยศึกษาการเรียนรู้เรื่องค่านิยมและการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียกค่านิยมที่เหมาะสมจะปรากฏผลดีหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมหรือการแสดงออกของผู้เรียน
การแยกความรู้ออกจากการกระทำก็เหมือนกับการแยกหลักสูตรออกเป็นส่วนๆ เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นการบูรณาการความรู้และการกระทำเข้าด้วยกันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
4. บูรณาการระหว่างสิ่งที่ดีในโรงเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้เรียนสิ่งหนึ่งที่จะพิสูจน์ว่าหลักสูตรดีหรือไม่ดี
คือผลที่เกิดแก่คุณภาพของชีวิตผู้เรียน ด้วยเหตุนี้การบูรณาการวิชาต่างๆ
ในหลักสูตรเราจึงต้องแน่ใจว่าสิ่งที่สอนในห้องเรียนนั้นมีความหมายและมีคุณค่าต่อชีวิตของผู้เรียน
ไม่ว่าผู้เรียนจะอยู่ที่ใด การที่ให้เกิดผลดังกล่าวได้
หลักสูตรจะต้องกำหนดให้ความสนใจและความต้องการมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน
และไม่เป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนการสอน
5.บูรณาการระหว่างวิชาต่างๆ ถ้าเรายอมรับว่าบูรณาการระหว่างความรู้กับจิตใจ
และระหว่างความรู้กับการกระทำเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ ไม่เป็นสิ่งที่สามารถทำได้
เราก็เริ่มจะมองเห็นความจำเป็นและความสำคัญของการเทียบศักราชต่างชาติต่างๆ
เข้าด้วยกันซึ่งอาจทำได้โดยนำเอาเนื้อหาวิชาหนึ่งมาเสริมอีกวิชาหนึ่ง
เพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้และเกิดเจตคติตามที่ต้องการหรือโดยกำหนดปัญหาหรือความต้องการของผู้เรียนเป็นหัวข้อและกำหนดหลักสูตรหรือโปรแกรมการเรียนการสอนขึ้น
โดยอาศัยเนื้อหาของในรายวิชามาช่วยในการแก้ปัญหานั้น
3. รูปแบบของบูรณาการ
หลักสูตรบูรณาการเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้มี 3 รูปแบบ แต่ในการปฏิบัติจริงมากขึ้นมีการผสมกันระหว่างรูปแบบต่างๆ
ที่นำมาจำแนกให้เห็นก็คือความเข้าใจว่าพื้นฐานที่แท้จริงของแต่ละรูปแบบนั้นเป็นอย่างไร
1. รายการภายในหมวดวิชา เราได้แปลว่ารักคือก้อนนั้นเป็นหนังสือที่ได้มีการนำเอาวิชาหลายๆ
วิชามารวมกันในลักษณะที่ผสมกลมกลืน แทนที่จะนำเอาเนื้อหาวิชาเรียงลำดับกันเฉยๆ
ตัวอย่างเช่น ในวิทยาศาสตร์ทั่วไป ไม่มีการนำเอาเนื้อหาวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา
มารวมกันและต่อมาก็นำวิชาโภชนาการ สุขศึกษา สิ่งแวดล้อมเกษตรศาสตร์ด้วย
ในวิชาสังคมศึกษาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หน้าที่พลเมือง จริยศึกษา
ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับแนวความคิดของหลักสูตรที่ว่าการเรียนรู้ต้องมีลักษณะเป็นสหวิทยาการ
2. บูรณาการภายในหัวข้อและโครงการ หลายประเทศในเอเชียนิยมใช้วิธีการแบบนี้คือการนำเอาความรู้ทักษะและประสบการณ์ของวิชาหรือหมวดวิชาตั้งแต่ 2 วิชาหรือหมวดวิชาขึ้นไป มาผสมผสานกันในลักษณะที่เป็นหัวข้อหรือโครงการ
ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เรียนและในแต่ละวันก็จะมีการแบ่งเป็นหน่วยการเรียน
(Units of Learning) ด้วยทำให้เป็นหลักสูตรบูรณาการที่เราเรียกว่า
หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (The Social Process and Life Function
Curriculum)
3. บูรณาการโดยการผสมผสานปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและของสังคมหลักสูตรที่ใช้การผสมผสานแบบนี้
ความจริงก็มีรูปแบบเหมือนมา 2 แบบแรกที่ได้กล่าวมาแล้วคืออาจผสมผสานภายในหมวดวิชาหรือภายในหัวข้อและสงกรานต์ก็ได้
สิ่งที่แตกต่างออกไปคือหัวข้อหรือหน่วยการเรียน
หรือโครงการจะเน้นการแก้ปัญหาชีวิตประจำวันของผู้เรียนไม่ว่าปัญหาส่วนตัวปัญหาชุมชน
ปัญหางานอาชีพ ปัญหาสังคม ฯลฯ ตัวอย่างของหัวข้อหรือหน่วยการเรียนได้แก่“มลภาวะจากอากาศ น้ำและเสียง” “การตกต่ำของผลผลิตทางการเกษตรกรรม”
“การตัดไม้ทำลายป่าและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ” “สภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ” “โรคที่สำคัญ” ฯลฯ
ในการศึกษาแก้ปัญหาข้างต้นนี้
ผู้เรียนจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้จากวิทยากรต่างๆ หลายสาขา
รวมทั้งต้องมีทักษะที่จำเป็นในการแก้ปัญหาด้วย
การเรียนรู้จึงมีลักษณะเป็นบูรณาการเนื่องจากต้องผสมผสานวิชาต่างๆ
ในการแก้ปัญหาสิ่งที่ปรากฏชัดในการเรียนรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น